“The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok” นิทรรศการจิบลิเป็นนิทรรศกาลที่ใหญ่สุดในกรุงเทพฯ เปิดโซนใหม่ส่งตรงจากโตเกียว-ขยายเวลาจัดงานถึงต้นปีหน้า (2 ม.ค.67)
ใครเคยดูแอนิเมชันระดับตำนานกันมาบ้าง ที่เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วอย่าง “Spirited Away” และยังมีอีกหลายเรื่องที่โด่งดังไปไกลระดับโลก อย่าง “My Neighbor Totoro” จากสตูดิโอจิบลิ จนไอคอนนิก “ภูติไร้หน้า” หรือ “โทโทโร่” เป็นที่ถูกพูดถึงมากมาย และถูกนำไปเป็นไอเดียแต่งตัวในวันฮาโลวีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเพื่อเป้นการเอาใจแฟน ๆ ชาวไทย เขาก็ได้กลับมาจัดนิทรรศการอีกครั้ง ซึ่งจะจัดงานนิทรรศการจิบลิถึงวันไหน และมีจุดเช็กอินตรงไหนน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่า
นิทรรศการจิบลิ ขยายเวลาจัดงานถึง 2 ม.ค.67
หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาได้พาเหล่าโทโทโร่และ Cat Bus มาโลดแล่นบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสตูดิโอฯ กันโดยสังเขปไปแล้ว แต่ครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่า เพราะ สตูดิโอ จิบลิ (Studio Ghibli) ได้ปิดชั้น 8 ทั้งชั้น ยกเอาโลกทั้งใบของพวกเขามาจัดนิทรรศการแบบเต็มรูปแบบครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023” ซึ่งขยายเวลาจัดงานยาวไปจนถึงต้นปีหน้า คือ 2 มกราคม 2567 หลังก่อนหน้านี้ปิดฉากไปแล้วเมื่อเดือนสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
เข้าไปด้านในทุกคนจะได้สัมผัสซีนเด่นๆ ของแอนิเมชันดังของพวกเขาทั้ง 10 เรื่อง
- เครื่องบินของนาชิกา จาก Nausica of the Valley of the Wind
- ปราสาทกลับหัว หรือ ลาปูต้า จาก Castle in the Sky
- ป้ายรถเมล์และบ้านต้นไม้ จาก My Neighbor Totoro
- จักรยานลอยฟ้าและร้านขนมปัง จาก Kiki’s Delivery Service
- ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso
- บ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko
- ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke
- คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away
- ปราสาทเวทมนตร์ จาก Howl’s Moving Castle
- โปเนียวและเหล่าฝูงปลา จาก Ponyo on the Cliff by the Sea
สำหรับ “โปเนียวและเหล่าฝูงปลา” จาก Ponyo on the Cliff by the Sea จะจัดแสดงอยู่ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนพระราม 1 ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปชมและถ่ายรูปกันได้ฟรี แต่ในส่วนอื่นๆ นั้นจะต้องเสียค่าเข้าชม โดยจัดแสดงอยู่ที่ชั้น 8 ของศูนย์การค้าฯ
ขึ้นกันมาถึงชั้น 8 ภาพแรกที่ทุกคนจะได้เจอคือโปสเตอร์ภาพแอนิเมชันชิ้นเอกของสตูดิโอจิบลิทั้งหมด ที่มีเครื่องบินของนาชิกา จาก Nausica of the Valley of the Wind ลอยอยู่เหนือศีรษะ เดินตามภาพเข้าไปจะเป็นทางเดิน 2 ฝั่ง เราสามารถเข้าฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้ ทางเดินนี้จะพาเราไปสู่ห้องดูคลิปวิดีโอของผู้ก่อตั้ง ที่พูดถึงเรื่องราวของเขาและเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง ที่ร่วมสร้างตำนานจนกลายมาเป็น “สตูดิโอ จิบลิ” ที่ครองใจคนรักแอนิเมชันทั่วโลก
เมื่อดูคลิปวิดีโอจบ จะมีทางเดินไปสู่ “ปราสาทเคลื่อนที่” จาก Howl’s Moving Castle แอนิเมชันที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์เมื่อปี 2005 ซึ่งสามารถขยับได้จริงๆ ทำให้เหมือนได้เป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องเลยทีเดียว เดินออกมาเพียงนิดเดียวก็จะเจอปราสาทเวทมนตร์ ที่มีฉากตกแต่งสวยงาม และมีเก้าอี้อยู่หนึ่งตัวให้เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปเก็บความประทับใจได้ และโซนต่อไป จะเป็น “ปราสาทกลับหัว” หรือ “ลาปูต้า” จาก Castle in the Sky ถือเป็นไฮไลต์ของงานในครั้งนี้ เพราะสตูดิโอจิบลิได้จัดฉากสุดอลังการให้เราได้เห็นปราสาทแบบกลับหัวจริงๆ ผ่านกระจกบานใหญ่ เป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ
ต่อมาจะเป็นโซนน่ารักๆ สำหรับใครที่อยากสัมผัสความเป็นเวทมนต์ สตูดิโอจิบลิก็ได้จัดฉากถ่ายรูปเก๋ๆ ให้ได้เก็บภาพเสมือนเราขี่ไม้กวาดเวทมนต์ท่องโลกของ Kiki’s Delivery Service
จากนั้นจะผ่านโซน ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso ก่อนจะมีฉากพุ่มไม้เขียวขจีพาเข้าไปยังบ้านต้นไม้ของโทโทโร่ จาก My Neighbor Totoro และเอาใจคนรักแอนิเมชันเรื่องนี้ ทางสตูดิโอจิบลิยังมีฉากป้ายรถเมล์และพร็อพร่มสีแดงอันโดดเด่นให้เราได้เก็บภาพประทับใจเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย
เดินเข้าไปอีกหน่อย ก็จะผ่านบ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko และ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke ที่มีจุดถ่ายวิดีโอชิคๆ แบบไม่เหมือนใคร เพราะในตอนแรกนั้นเราอาจเห็นเป็นจอสกรีนภาพยนตร์ตัวอย่าง แต่เมื่อตัวอย่างแอนิเมชันของเรื่องนี้จบลง จะปรากฏให้เห็นจิตวิญญาณแห่งพงไพรที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเด่นชัด
ก่อนจะปิดท้ายกันกับโซน คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away คาโอนาชิ หรือ “ภูติไร้หน้า” เป็นตัวละครอันโดดเด่นที่กลายเป็นไอคอนนิกประจำวันฮาโลวีนไปแล้ว เพราะแอนิเมชันเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะมีเรื่องราวที่น่าติดตามเท่านั้น ยังคว้ารางวัลออสการ์ไปครอง แถมยังสร้างสถิติหลายอย่างของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการทำรายได้ในญี่ปุ่นสูงสุดตลอดกาล, เป็นหนังออสการ์แอนิเมชันยอดเยี่ยมเรื่องเดียวที่เป็นแบบ 2 มิติใช้มือวาด และ เป็นหนังออสการ์แอนิเมชันยอดเยี่ยมเรื่องเดียวที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ เป็นต้น เรียกว่าสร้างแรงกระเพื่อมต่อแอนิเมชันยุคหลังมากมาย
แต่ที่พิเศษมากกว่านั้น หลังขยายเวลาจัดงานเอาใจแฟนจิบลิไทยแล้ว ในนิทรรศการจิบลิโซนต่อไป สตูดิโอ จิบลิ ยังนำผลงานสุดหวงแหนที่มีจัดที่โตเกียวเท่านั้น ยกมาแสดงที่เมืองไทยด้วยเลย ถือเป็นโซนใหม่ที่สาวกจิบลิไทยจะได้ชมกันแบบฟิน ๆ ที่บ้านเรา โดยไม่จำเป็นต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่น
โดยโซนใหมที่เพิ่มเข้ามา คือ “Hall of Fame” เป็นการจัดแสดงภาพสเกตช์และสต๊อปโมชันที่ส่งตรงจาก สตูดิโอจิบลิ ญี่ปุ่น มาให้คนไทยชมโดยเฉพาะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีที่โตเกียวเท่านั้น และผู้เข้าชมไม่สามารถถ่ายภาพด้านในได้ แต่สำหรับแฟนจิบลิชาวไทยจะเป็นข้อยกเว้น!
เรื่องราวของนิทรรศการจิบลิโซนนี้ จะเป็นการนำเสนอเบื้องหลังของแอนิเมชันที่คนทั่วโลกหลงรัก ว่ากว่าจะประสบความสำเร็จนั้น ต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง เราจะได้เห็นตั้งแต่กระบวนการร่างสตอรี่บอร์ดไปจนถึงขั้นสำเร็จเป็นภาพยนตร์ที่ครองใจใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็น My Neighbor Totoro, Howl’s Moving Castle Nausicaä of the Valley of the Wind และ Spirited Away
รายละเอียดเพิ่มเติม
- ระยะเวลาจัดงาน 1 กรกฎาคม –
30 กันยายน 2566ขยายเวลาจัดงานถึง 2 มกราคม 2567 ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์
ใครอยากออกไปสัมผัสประสบการณ์ครั้งใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในจอ หรือไปเก็บภาพความประทับจากแอนิเมชันที่เราเติบโตมาด้วยกัน งานนิทรรศการจิบลิในครั้งนี้อาจส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกเติมเต็มหัวใจได้ไม่น้อยเลยล่ะค่า ครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวคาเฟ่ หรือร้านอาหารเจ้าดังไหนอีก สามารถติดตามได้ทาง painaidee
- พิกัด 8 ถนนสวยที่สุดในไทย เที่ยวแบบ Road Trip ต้องแวะเช็คอิน - June 12, 2024
- รวม 8 ยี่ห้อ น้ำซุปชาบูน้ำดำ อร่อย สูตรสำเร็จรูป ทำกินเองง่าย ๆ ที่บ้าน - June 6, 2024
- รวม 10 ร้านอาหาร ถนนข้าวสาร กลางคืน ร้านสตรีทฟู๊ดอร่อย - May 27, 2024